Dynatrace Davis AI

Dynatrace คืออะไร?

Dynatrace เป็นแพลตฟอร์มชั้นนำในด้าน Application Performance Monitoring (APM) และ Observability ที่นำเสนอการติดตามและวิเคราะห์ด้วยปัญญาประดิษฐ์ (AI) เพื่อช่วยให้องค์กรสามารถจัดการ Digital Services ได้อย่างมีประสิทธิภาพ โดย Dynatrace มีความสามารถในการติดตามและตรวจสอบประสิทธิภาพของแอปพลิเคชัน (Application Performance Monitoring) ประสบการณ์ของผู้ใช้ (End User Experience) และ โครงสร้างพื้นฐานทางด้าน IT (IT Infrastructure) แบบเรียลไทม์

Dynatrace ได้ปรับเปลี่ยนวิธีการในการตรวจสอบและติดตามประสิทธิภาพของระบบจากที่ต้องอาศัยการตรวจสอบดำเนินงานด้วยตนเอง มาเป็นการใช้ AI ในการวิเคราะห์ข้อมูลอย่างต่อเนื่อง ทำให้ธุรกิจสามารถแก้ไขปัญหาได้เร็วขึ้นและลดผลกระทบต่อผู้ใช้งานระบบปลายทางต่างๆ

Dynatrace Observability Platform

การพัฒนาและวิวัฒนาการของ Dynatrace AI สำหรับ Application Performance Monitoring (APM) และ Observability

ระบบ Dynatrace Application Performance Monitoring และ Observability ได้เปลี่ยนแปลงอย่างมากในช่วงหลายปีที่ผ่านมา จากการเป็นกระบวนการที่ต้องตอบสนองต่อปัญหาที่เกิดขึ้นเท่านั้น ปัจจุบัน ระบบเน้นไปที่การป้องกันปัญหาก่อนที่มันจะเกิดขึ้น การใช้ AI และการวิเคราะห์ข้อมูลแบบเชิงรุกใน AI-driven Monitoring ของ Dynatrace ช่วยให้ทีมงานสามารถระบุและแก้ไขปัญหาได้ก่อนที่มันจะส่งผลกระทบต่อผู้ใช้ โดย Dynatrace สามารถผสานการทำงานทั้งในส่วนของ APM และ Observability เข้าด้วยกัน ทำให้สามารถใช้งานได้คลอบคลุมและหลากหลายและมีการพัฒนาความสามารถที่หลากหลายขึ้น

Dynatrace Unified Observability Platform

เป็นระบบการตรวจสอบประสิทธิภาพของระบบและความปลอดภัยที่รวมเป็นหนึ่งเดียว ช่วยให้คุณมองเห็นภาพรวมของระบบทั้งหมดแบบเรียลไทม์ ด้วยเทคโนโลยี AI ขั้นสูง ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการทำงาน ลดเวลาการแก้ไขปัญหา และเสริมความปลอดภัยในทุก ๆ ส่วนของระบบไอทีสร้างความมั่นใจในการดำเนินงานอย่างต่อเนื่องและปลอดภัย

Dynatrace Platform ประกอบไปด้วยความสามารถดังต่อไปนี้ 

  • Infrastructure Observability
  • Application Observability
  • Application Security
  • Digital Experience
  • Business Analytics
  • Cloud Automations

การเปลี่ยนแปลงนี้ไม่เพียงแต่ช่วยให้องค์กรสามารถเพิ่มประสิทธิภาพของแอปพลิเคชันได้เท่านั้น แต่ยังช่วยลดค่าใช้จ่ายในการบำรุงรักษาและเพิ่มความพึงพอใจของผู้ใช้อีกด้วย

คุณสมบัติหลักที่สำคัญของ Dynatrace

AI-driven Monitoring

Dynatrace มี AI engine ที่ชื่อว่า Davis ซึ่งออกแบบมาเพื่อวิเคราะห์ข้อมูลจากแอปพลิเคชันและ IT Infrastructure ขององค์กรอย่างต่อเนื่อง AI engine นี้สามารถระบุความผิดปกติและปัญหาที่อาจเกิดขึ้นได้อย่างรวดเร็ว โดยไม่จำเป็นต้องกำหนดค่าใดๆ Davis เรียนรู้จากสภาพแวดล้อม, โครงสร้างที่ตรวจพบและปรับตัวให้เข้ากับข้อมูลและระบบในรูปแบบใหม่ ๆ ได้ตลอดเวลา ทำให้ข้อมูลเชิงลึกที่ได้รับเป็นปัจจุบันและมีความถูกต้องอยู่เสมอ

Real-time Performance Analysis

ความสามารถในการวิเคราะห์ประสิทธิภาพแบบเรียลไทม์ (Real-time Performance Analysis) ของ Dynatrace ทำให้องค์กรสามารถติดตามสถานะและประสิทธิภาพของแอปพลิเคชันและ IT Infrastructure ได้ตลอดเวลา ข้อมูลที่ได้จากการวิเคราะห์แบบเรียลไทม์ช่วยให้ทีมงานสามารถแก้ไขปัญหาได้ทันทีที่มันเกิดขึ้น ลดเวลาหยุดทำงานและเพิ่มความน่าเชื่อถือของแอปพลิเคชัน

Cloud-native Monitoring

Dynatrace ออกแบบมาเพื่อรองรับสภาพแวดล้อม Cloud-native Monitoring อย่างเต็มที่ ซึ่งรวมถึงการติดตามการทำงานของไมโครเซอร์วิสและเทคโนโลยีคลาวด์เนทีฟต่าง ๆ เช่น Kubernetes และ Docker ไม่ว่าจะเป็นองค์กรที่ใช้ AWS, Azure, Google Cloud หรือการใช้คลาวด์หลายแห่งร่วมกัน (Hybrid-Multi-Cloud) Dynatrace สามารถให้ข้อมูลเชิงลึกที่ครอบคลุมเกี่ยวกับประสิทธิภาพของแอปพลิเคชันและ Infrastructure ในทุกสภาพแวดล้อมคลาวด์ได้

Automated Root Cause Analysis

หนึ่งในคุณสมบัติที่โดดเด่นของ Dynatrace คือการวิเคราะห์สาเหตุของปัญหาโดยอัตโนมัติ (Automated Root Cause Analysis) เมื่อเกิดปัญหา Dynatrace จะไม่เพียงแจ้งเตือนทีมงานเกี่ยวกับปัญหาเท่านั้น แต่ยังระบุสาเหตุของปัญหาได้อย่างแม่นยำ ซึ่งช่วยลดเวลาและความพยายามในการแก้ไขปัญหา ทำให้ทีมงานสามารถมุ่งเน้นไปที่การป้องกันปัญหาในอนาคตแทนที่จะเพียงแค่ตอบสนองต่อปัญหาที่เกิดขึ้น

Dynatrace AIOps

ความสามารถของ Dynatrace AI

การทำความเข้าใจ Davis: เอ็นจิ้น AI ของ Dynatrace

Davis เป็น AI engine ที่ทำงานด้วยการวิเคราะห์ข้อมูลจากแอปพลิเคชันและโครงสร้างพื้นฐานอย่างต่อเนื่อง โดย Davis สามารถเรียนรู้จากสภาพแวดล้อมและปรับปรุงความแม่นยำในการคาดการณ์และแก้ไขปัญหา ทำให้ทีมงานสามารถมุ่งเน้นไปที่การปรับปรุงประสิทธิภาพของแอปพลิเคชันได้มากขึ้น

วิธีที่ Dynatrace AI ใช้คาดการณ์และแก้ปัญหา

ความสามารถของ Dynatrace ในการใช้ AI ในการคาดการณ์ปัญหาก่อนที่จะส่งผลกระทบต่อผู้ใช้เป็นคุณสมบัติที่สำคัญ Davis AI engine ของ Dynatrace สามารถตรวจจับความผิดปกติในข้อมูลและแจ้งเตือนทีมงานเกี่ยวกับปัญหาที่อาจเกิดขึ้น ช่วยให้องค์กรสามารถแก้ไขปัญหาได้ก่อนที่มันจะส่งผลกระทบต่อประสบการณ์ผู้ใช้ โดย Dynatrace มี AI ถึง 3 รูปแบบที่จะช่วยให้เกิดการทำงานอย่างรวดเร็วและมีประสิทธิภาพ

Dynatrace Davis AI with Predictive AI - Causal AI - Generative AI Copilot
  • Predictive AI
    ให้การคาดการณ์อย่างต่อเนื่อง (forecasting) และการทำนายความผิดปกติ (anomaly prediction) ในบริบทของเส้นฐานหลายมิติ (multidimensional baselines), ทราฟฟิกของแอปพลิเคชัน และปริมาณงานของการให้บริการ (service load) โดยใช้ Machine Learning พร้อมทั้งรับรู้ข้อมูลสถิติของการทำงานและรูปแบบต่าง ๆ ในการประมวลผล
  • Causal AI
    วิเคราะห์ข้อมูลจาก APM, Observability, ความปลอดภัย และข้อมูล Topology Information เพื่อจัดกลุ่มความผิดปกติ, ระบุและหาสาเหตุของปัญหา (root causes), และจัดลำดับความสำคัญตามผลกระทบทางธุรกิจโดยอัตโนมัติ ร่วมกับกระบวนการในการตรวจจับความผิดปกติหรือสิ่งที่ไม่เป็นไปตามปกติในข้อมูลหรือระบบ (Anomaly Detection) ซึ่งความผิดปกติเหล่านี้อาจบ่งชี้ถึงปัญหาหรือเหตุการณ์ที่ต้องการการตรวจสอบเพิ่มเติม
  • Generative AI: Davis CoPilot
    ด้วยพลังจาก Predictive AI และ Causal AI, Davis CoPilot สร้างคำสั่งค้นหาด้วยภาษาธรรมชาติ (Natural language queries), การให้คำแนะนำการให้วิธีทำอัตโนมัติ (How-to Automation), และการสร้างแดชบอร์ดเพื่อทำให้การวิเคราะห์ง่ายขึ้น

Dynatrace โดดเด่นด้วย AI อย่างไร

เปรียบเทียบ Dynatrace กับเครื่องมืออื่น ๆ

ในตลาด APM และ Observability ที่มีการแข่งขันสูง Dynatrace โดดเด่นด้วยความสามารถในการใช้ AI-driven Monitoring ที่ครอบคลุมและการวิเคราะห์สาเหตุของปัญหาโดยอัตโนมัติ (Automated Root Cause Analysis) ขณะที่เครื่องมืออื่น ๆ อาจมีความสามารถในการติดตามและวิเคราะห์ได้ดี แต่ Dynatrace มีความสามารถที่ล้ำหน้ากว่าในการใช้ AI ในการคาดการณ์ปัญหาก่อนที่มันจะเกิดขึ้น

จุดขายที่เป็นเอกลักษณ์ของ Dynatrace

Dynatrace มีจุดขายที่โดดเด่นหลายประการ เช่น:

  • AI-powered insights: AI engine ของ Dynatrace ให้ข้อมูลเชิงลึกแบบเรียลไทม์และต่อเนื่องที่ช่วยให้องค์กรสามารถนำหน้าในการแก้ไขปัญหา
  • การทำงานได้ครบวงจร End-to-End Monitoring: Dynatrace ติดตามทุกอย่างตั้งแต่โค้ดแอปพลิเคชันจนถึงการใช้งานของผู้ใช้ (User Experience) เพื่อให้ครอบคลุมอย่างสมบูรณ์ รวมไปถึงการเก็บรวบรวมข้อมูลจาก Logs, Metrics, และ Traces เพื่อให้ได้ภาพรวม Observability ที่สมบูรณ์ของระบบ
  • การติดตั้งและการใช้งานที่ง่ายดาย: ด้วยการติดตั้งและตรวจสอบโดยอัตโนมัติด้วย OneAgent และแดชบอร์ดที่ใช้งานง่าย Dynatrace สามารถเริ่มใช้งานได้อย่างรวดเร็วโดยไม่ต้องการการปรับแต่งที่ซับซ้อน

Dynatrace เทียบกับคู่แข่ง

Dynatrace vs New Relic

เมื่อเปรียบเทียบ Dynatrace กับ New Relic ซึ่งเป็นหนึ่งในคู่แข่งสำคัญในตลาด APM จะเห็นได้ว่า Dynatrace มีความสามารถที่โดดเด่นในด้าน AI-driven Monitoring การวิเคราะห์ Root-cause ของปัญหาโดยอัตโนมัติ (Automated Root Cause Analysis) และการติดตั้งง่ายด้วย OneAgent ที่ติดตั้งและทำงานโดยอัตโนมัติไม่ต้อง Config ในขณะที่ New Relic อาจมีความสามารถในด้านการวิเคราะห์ข้อมูลเชิงลึก แต่ Dynatrace มีความสามารถที่ครอบคลุมและเป็นอัตโนมัติมากกว่า

Dynatrace vs AppDynamics

AppDynamics เป็นอีกหนึ่งคู่แข่งที่สำคัญของ Dynatrace ซึ่งมีความสามารถในการติดตามประสิทธิภาพของแอปพลิเคชันได้ดี แต่ Dynatrace มีความได้เปรียบในด้านการใช้ AI ในการคาดการณ์และแก้ปัญหา รวมถึงการสนับสนุนสถาปัตยกรรมคลาวด์เนทีฟ ในขณะที่ AppDynamics มี Components ที่ต้องเชื่อมต่อหลายระบบ ทำให้มีความซับซ้อนในการติดตั้ง ใช้งานและบริหารจัดการ

Dynatrace vs Datadog

Dynatrace และ Datadog ต่างก็เป็นเครื่องมือที่ทรงพลังแต่ Dynatrace โดดเด่นด้วย AI-driven Monitoring และการวิเคราะห์สาเหตุโดยอัตโนมัติ (Automated Root Cause Analysis) ในขณะที่ Datadog เน้นที่ความสามารถในการผสานรวม (integrations) กับเครื่องมืออื่น ๆ ได้อย่างกว้างขวาง ทั้งสองมีการวิเคราะห์แบบเรียลไทม์ (Real-time Performance Analysis) แต่ Dynatrace รองรับการทำงานทั้ง On-premise และ On-cloud มีการใช้ AI เพื่อคาดการณ์ปัญหาที่ครอบคลุมมากกว่าและยังติดตั้งปรับแต่งโดยอัตโนมัติ 

Dynatrace vs Instana

Dynatrace และ Instana เป็นเครื่องมือที่เน้นการใช้ AI-driven Monitoring แต่ Dynatrace มีความสามารถในการวิเคราะห์แบบ End-to-End ครบวงจรตั้งแต่ระดับแอปพลิเคชันไปจนถึงโครงสร้างพื้นฐาน ขณะที่ Instana เน้นการติดตามแบบเรียลไทม์ในสภาพแวดล้อมคลาวด์และไมโครเซอร์วิส ทั้งคู่มี AI engine ที่ช่วยในการคาดการณ์ปัญหา แต่ Dynatrace มีฟีเจอร์ที่รองรับการปรับแต่งและการรองรับการขยายความสามารถได้หลากหลายกว่า

การใช้งานและกรณีศึกษา

การใช้งาน Dynatrace ในธุรกิจอีคอมเมิร์ซ

ในธุรกิจอีคอมเมิร์ซ การให้ประสบการณ์ผู้ใช้ที่ราบรื่นเป็นสิ่งสำคัญ Dynatrace ช่วยให้ธุรกิจอีคอมเมิร์ซสามารถติดตามและปรับปรุงประสิทธิภาพของแพลตฟอร์มออนไลน์ได้อย่างมีประสิทธิภาพ โดยการให้ข้อมูลเชิงลึกแบบเรียลไทม์และการวิเคราะห์สาเหตุที่แท้จริงโดยอัตโนมัติ Dynatrace ช่วยให้ทีมงานสามารถระบุและแก้ไขปัญหาได้ทันที ลดความเสี่ยงที่ปัญหาจะส่งผลกระทบต่อประสบการณ์ของลูกค้า

การใช้งาน Dynatrace ในภาคการเงิน

Dynatrace เป็นเครื่องมือที่มีค่าสำหรับสถาบันการเงิน เนื่องจากสามารถติดตามและวิเคราะห์ประสิทธิภาพของระบบที่ซับซ้อนได้อย่างแม่นยำ ความสามารถในการคาดการณ์ปัญหาก่อนที่จะเกิดขึ้นและการวิเคราะห์สาเหตุที่แท้จริงโดยอัตโนมัติช่วยลดความเสี่ยงและเพิ่มความน่าเชื่อถือให้กับระบบการเงิน

การใช้งาน Dynatrace ในภาคสาธารณสุข

ในภาคสาธารณสุข Dynatrace ช่วยให้หน่วยงานสามารถติดตามและปรับปรุงประสิทธิภาพของระบบ IT ที่ซับซ้อนและจำเป็นต้องมีความน่าเชื่อถือสูง ระบบเหล่านี้รวมถึงระบบการจัดการข้อมูลผู้ป่วยและการให้บริการที่สำคัญอื่น ๆ ด้วยความสามารถในการติดตามแบบเรียลไทม์และการวิเคราะห์สาเหตุที่แท้จริง Dynatrace ช่วยให้การทำงานของระบบมีความเสถียรและปราศจากข้อผิดพลาด

การใช้ Dynatrace ในรูปแบบ DevOps

Dynatrace สามารถผนวกเข้าทำงานกับแนวทาง DevOps ได้อย่างดี การติดตามและการวิเคราะห์แบบเรียลไทม์ช่วยให้ทีม DevOps สามารถตรวจสอบและแก้ไขปัญหาได้ในระหว่างขั้นตอนการพัฒนาและส่งมอบแอปพลิเคชัน วิธีนี้ช่วยปรับปรุงความเร็วและคุณภาพของกระบวนการ DevOps โดยรวม

ความสามารถในการรองรับระบบคลาวด์ของ Dynatrace

การติดตามสภาพแวดล้อมมัลติคลาวด์

Dynatrace สามารถติดตามสภาพแวดล้อมมัลติคลาวด์ได้อย่างมีประสิทธิภาพ ไม่ว่าจะเป็น AWS, Azure, Google Cloud หรือการใช้คลาวด์หลายแห่งร่วมกัน ด้วย Cloud-native Monitoring Dynatrace ให้ข้อมูลเชิงลึกที่ครอบคลุมเกี่ยวกับประสิทธิภาพของแอปพลิเคชันและโครงสร้างพื้นฐานในทุกสภาพแวดล้อมคลาวด์ได้

การใช้ Dynatrace ใน AWS, Azure, และ Google Cloud

การใช้ Dynatrace ในสภาพแวดล้อมคลาวด์ต่าง ๆ ช่วยให้องค์กรสามารถวิเคราะห์และปรับปรุงประสิทธิภาพของแอปพลิเคชันในแต่ละสภาพแวดล้อมคลาวด์ได้แบบเรียลไทม์ ทำให้องค์กรสามารถปรับปรุงการทำงานของแอปพลิเคชันและเพิ่มประสิทธิภาพของโครงสร้างพื้นฐานได้อย่างเต็มที่

การสนับสนุนสถาปัตยกรรมคลาวด์เนทีฟและไมโครเซอร์วิส

นอกเหนือจากการติดตามคลาวด์แบบทั่วไป Dynatrace ยังมีความสามารถในการสนับสนุนสถาปัตยกรรมคลาวด์เนทีฟและไมโครเซอร์วิส ซึ่งเป็นสิ่งสำคัญสำหรับองค์กรที่ต้องการปรับปรุงการทำงานและความยืดหยุ่นของแอปพลิเคชันของตน

การบูรณาการและการขยายความสามารถของ Dynatrace

การบูรณาการ Dynatrace กับเครื่องมืออื่น ๆ

Dynatrace สามารถบูรณาการกับเครื่องมืออื่น ๆ ได้อย่างง่ายดาย ไม่ว่าจะเป็นเครื่องมือ DevOps, ระบบการจัดการโครงสร้างพื้นฐาน, หรือเครื่องมือการจัดการข้อมูล การบูรณาการนี้ช่วยให้องค์กรสามารถใช้ Dynatrace ในกระบวนการทำงานประจำวันได้อย่างไม่มีสะดุด

คำถามที่พบบ่อย (FAQ)

Dynatrace ช่วยปรับปรุงประสิทธิภาพของแอปพลิเคชันได้อย่างไร?

Dynatrace สามารถเข้าไปตรวจสอบและวิเคราะห์ข้อมูลได้ถึงระดับ Coding Level เช่น Method และ Class รวมถึงการใช้ AI ในการวิเคราะห์และคาดการณ์ปัญหาที่อาจเกิดขึ้นในแอปพลิเคชัน ทำให้สามารถแก้ไขปัญหาได้ก่อนที่จะส่งผลกระทบต่อผู้ใช้ นอกจากนี้ Dynatrace ยังมีการติดตามและวิเคราะห์ประสิทธิภาพแบบเรียลไทม์ ทำให้สามารถปรับปรุงประสิทธิภาพของแอปพลิเคชันได้อย่างต่อเนื่อง

Dynatrace เหมาะสำหรับธุรกิจขนาดเล็กหรือไม่?

Dynatrace ออกแบบมาเพื่อตอบสนองความต้องการขององค์กรขนาดใหญ่เป็นหลัก แต่ก็มีความยืดหยุ่นในการปรับให้เหมาะสมกับธุรกิจขนาดเล็ก อย่างไรก็ตาม ธุรกิจขนาดเล็กควรพิจารณาค่าใช้จ่ายและความซับซ้อนของการนำ Dynatrace ไปใช้ก่อนที่จะตัดสินใจ

อุตสาหกรรมใดที่ได้รับประโยชน์มากที่สุดจาก Dynatrace?

อุตสาหกรรมที่มีการพึ่งพาแอปพลิเคชันและโครงสร้างพื้นฐานทางดิจิทัลมาก เช่น อีคอมเมิร์ซ การเงิน และสาธารณสุข จะได้รับประโยชน์อย่างมากจากการใช้ Dynatrace ด้วยความสามารถในการติดตามและปรับปรุงประสิทธิภาพที่ครอบคลุม

Dynatrace ผนวกเข้ากับ DevOps ได้อย่างไร?

Dynatrace ผนวกเข้ากับ DevOps ได้อย่างราบรื่น ด้วยการให้ข้อมูลเชิงลึกแบบเรียลไทม์เกี่ยวกับประสิทธิภาพของแอปพลิเคชัน ทำให้ทีม DevOps สามารถระบุและแก้ไขปัญหาได้อย่างรวดเร็วในระหว่างขั้นตอนการพัฒนา นอกจากนี้ Dynatrace ยังสนับสนุนการตรวจสอบประสิทธิภาพของแอปพลิเคชันหลังจากการปรับปรุงและอัปเดต

Dynatrace สามารถทำงานกับสภาพแวดล้อมมัลติคลาวด์ได้หรือไม่?

Dynatrace สามารถติดตามสภาพแวดล้อมมัลติคลาวด์ได้อย่างมีประสิทธิภาพ ไม่ว่าจะเป็น AWS, Azure, Google Cloud หรือคลาวด์หลายแห่งร่วมกัน Dynatrace ให้ข้อมูลเชิงลึกที่ครอบคลุมเกี่ยวกับประสิทธิภาพของแอปพลิเคชันและโครงสร้างพื้นฐานในสภาพแวดล้อมคลาวด์ทั้งหมด

อะไรทำให้เอ็นจิ้น Dynatrace AI มีเอกลักษณ์?

เอ็นจิ้น AI ของ Dynatrace, Davis มีความสามารถในการเรียนรู้และปรับปรุงตัวเองอยู่เสมอ ทำให้สามารถตรวจจับและคาดการณ์ปัญหาได้อย่างแม่นยำ นอกจากนี้ Davis ยังสามารถวิเคราะห์ข้อมูลแบบเรียลไทม์และให้ข้อมูลเชิงลึกที่ครอบคลุม ซึ่งช่วยให้องค์กรสามารถแก้ไขปัญหาได้อย่างรวดเร็วและมีประสิทธิภาพ

บทสรุป

Dynatrace เป็นแพลตฟอร์มที่ทรงพลังในการติดตามประสิทธิภาพของแอปพลิเคชันด้วยการขับเคลื่อนของ AI ด้วยความสามารถในการ Monitor แบบครบวงจร การวิเคราะห์สาเหตุปัญหาโดยอัตโนมัติ และการสนับสนุนสถาปัตยกรรมคลาวด์เนทีฟ ทำให้ Dynatrace เป็นทางเลือกที่ยอดเยี่ยมสำหรับองค์กรที่ต้องการเครื่องมือที่ครอบคลุมและมีความยืดหยุ่น

การนำ Dynatrace ไปใช้สามารถช่วยให้องค์กรเพิ่มประสิทธิภาพ ลดเวลาหยุดทำงาน และปรับปรุงความพึงพอใจของลูกค้าได้อย่างมีประสิทธิภาพ ในอนาคต Dynatrace จะยังคงมีบทบาทสำคัญในการติดตามและปรับปรุงประสิทธิภาพของแอปพลิเคชันด้วยการใช้ AI ที่พัฒนาอย่างต่อเนื่อง

AskMe ได้รับการรับรอง Endorsed Services Partner – Observability จาก Dynatrace

นับตั้งแต่ปี 2011 AskMe ได้เป็นบริษัทแรกในประเทศไทยที่ได้รับการรับรอง Dynatrace Intelligent Observability Competency – Premier เราได้มุ่งมั่นในการให้บริการที่ยอดเยี่ยมและทันสมัยเพื่อรองรับความต้องการของลูกค้าอย่างต่อเนื่อง ในปี 2024 นี้ AskMe ภูมิใจที่ได้รับการรับรอง Endorsed Services Partner – Observability จาก Dynatrace ซึ่งเป็นการตอกย้ำถึงความเชี่ยวชาญและความสามารถของบริษัทฯ ในด้าน Observability การจัดการระบบ IT ที่มีความซับซ้อน

การรับรอง Endorsed Services Partner – Observability จาก Dynatrace แสดงให้เห็นว่า AskMe ได้รับการยอมรับในเรื่องของความสามารถในการทำงานกับระบบ Dynatrace Observability ซึ่งการรับรองนี้ไม่ได้มาโดยง่าย AskMe ต้องผ่านการทดสอบและการประเมินผลอย่างเข้มงวดจาก Dynatrace ACE Services เพื่อพิสูจน์ถึงความสามารถในด้านสถาปัตยกรรม การดำเนินงาน และการจัดการแพลตฟอร์ม Dynatrace

การได้รับการรับรองนี้ไม่เพียงแต่ยืนยันถึงความเชี่ยวชาญของทีมงาน AskMe แต่ยังช่วยสร้างความมั่นใจให้กับลูกค้าว่า AskMe สามารถให้บริการที่ตอบสนองต่อความต้องการของพวกเขาได้อย่างมีประสิทธิภาพ การใช้ Dynatrace Platform ช่วยให้ AskMe สามารถตรวจสอบและวิเคราะห์ข้อมูลระบบ IT ของลูกค้าได้อย่างละเอียดและแม่นยำ

สนใจติดต่อ AskMe ได้ที่

สามารถติดต่อ AskMe ได้ทันทีเราเป็นผู้เชี่ยวชาญด้าน Dynatrace ในประเทศไทย สามารถให้คำแนะนำและช่วยเหลือในการเลือกเทคโนโลยีที่เหมาะกับองค์กรของคุณ รวมถึงการติดตั้งและให้บริการหลังการขาย

ติดต่อเราได้ที่

Related Posts
งานวิชาการ Next Generation of Dynatrace Application Performance มทร.ล้านนา
Next Generation of Dynatrace Application Performance Monitor

งานวิชาการ Next Generation of Dynatrace Application Performance Monitor มทร.ล้านนา AskMe Read more

AskMe เข้าร่วมงาน Dynatrace Perform 2017: Master your digital universe
Dynatrace Perform 2017: Master your digital universe

AskMe เข้าร่วมงาน Dynatrace Perform 2017: Master your digital universe งานสัมมนาแก่ผู้สนใจในด้าน Read more

Dynatrace – Community Members of the Month for October 2020
AskMe Dynatrace Community of the Month October-2020

AskMe ได้เข้ามามีส่วนร่วมใน Dynatrace Community และมีส่วนร่วมในการช่วยเหลือ ให้คำแนะนำชุมชนผู้ใช้งาน Dynatrace มาอย่างยาวนาน และได้รับรางวัล Community Read more

AskMe has achieved the Dynatrace Intelligent Observability Competency – Premier Partner Level
Dynatrace - Premier Partner - Intelligent Observability Competency

AskMe has achieved the Dynatrace Intelligent Observability Competency - Premier Read more