Dynatrace Application Security
ในยุคที่เทคโนโลยีและการพัฒนาซอฟต์แวร์มีการเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว การผสมผสานระหว่างความปลอดภัยและประสิทธิภาพในการดำเนินงานเป็นสิ่งสำคัญยิ่ง Dynatrace Application Security ได้กลายมาเป็นเครื่องมือที่สำคัญในกระบวนการ DevSecOps ซึ่งช่วยให้ทีมงานสามารถตรวจสอบและรักษาความปลอดภัยของระบบได้อย่างต่อเนื่อง ในบทความนี้ เราจะมาทำความเข้าใจถึงความสำคัญของ Dynatrace Security Solutions และวิธีการใช้เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพและความปลอดภัยใน DevSecOps ขององค์กรคุณ
ทำความเข้าใจ DevSecOps และ Dynatrace Application Security
DevSecOps คืออะไร
การผสานรวมการพัฒนา (Development), การดำเนินงาน (Operations) และการรักษาความปลอดภัย (Security) เข้าไว้ในกระบวนการเดียว โดยที่ทุกขั้นตอนของการพัฒนาซอฟต์แวร์มีความปลอดภัยเป็นหัวใจสำคัญ
DevSecOps ช่วยลดความเสี่ยงจากภัยคุกคามที่อาจเกิดขึ้นได้โดยการตรวจสอบและป้องกันปัญหาที่อาจเกิดขึ้นตั้งแต่เริ่มต้น กระบวนการนี้ทำให้ทีมงานสามารถตอบสนองต่อเหตุการณ์ต่างๆ ได้อย่างรวดเร็วและมีประสิทธิภาพ อีกทั้งยังช่วยให้การพัฒนาซอฟต์แวร์เป็นไปอย่างต่อเนื่องและไม่มีสะดุด
การนำ DevSecOps มาใช้ในองค์กรไม่เพียงแค่ช่วยเสริมสร้างความปลอดภัย แต่ยังช่วยให้ทีมพัฒนาสามารถทำงานร่วมกันได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น เป็นการป้องกันปัญหาตั้งแต่ต้นทาง ทำให้ผลิตภัณฑ์ซอฟต์แวร์ที่ปล่อยออกมานั้นมีคุณภาพสูงและปลอดภัยสำหรับผู้ใช้ทุกคน
Dynatrace คืออะไร
แพลตฟอร์มที่ใช้ในการตรวจสอบและจัดการระบบที่มีประสิทธิภาพสูง ช่วยให้ทีมงานสามารถมองเห็นภาพรวมของการทำงานของระบบทั้งหมด รวมถึงการตรวจสอบความปลอดภัยแบบเรียลไทม์
Dynatrace ออกแบบมาเพื่อให้การทำงานของทีม IT และ DevOps เป็นไปอย่างราบรื่นและมีประสิทธิภาพสูงสุด หนึ่งในคุณสมบัติเด่นของ Dynatrace คือความสามารถในการให้ภาพรวมที่ครอบคลุมของการทำงานของระบบทั้งหมด ตั้งแต่แอปพลิเคชันไปจนถึงโครงสร้างพื้นฐาน นอกจากนี้ Dynatrace ยังมีความสามารถในการตรวจสอบความปลอดภัยแบบเรียลไทม์ ทำให้ทีมงานสามารถเฝ้าระวังและตอบสนองต่อภัยคุกคามได้อย่างรวดเร็ว
ความพิเศษของ Dynatrace ยังอยู่ที่การใช้ ปัญญาประดิษฐ์ (AI) ที่ชื่อกว่า Davis AI ในการวิเคราะห์ข้อมูลที่ได้รับจากระบบ Dynatrace AI ช่วยในการระบุปัญหาและหาต้นเหตุของปัญหาได้อย่างแม่นยำและรวดเร็ว โดยไม่จำเป็นต้องพึ่งพาการวิเคราะห์จากมนุษย์เพียงอย่างเดียว ระบบ AI จะทำการวิเคราะห์ข้อมูลที่ได้รับแบบเรียลไทม์ และสามารถตรวจจับความผิดปกติหรือความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้นในระบบได้โดยอัตโนมัติ
ยิ่งไปกว่านั้น Dynatrace AI ยังสามารถเรียนรู้จากข้อมูลที่สะสมมาในอดีต เพื่อคาดการณ์ปัญหาที่อาจเกิดขึ้นในอนาคตและเสนอแนวทางแก้ไขให้กับทีมงานล่วงหน้า ช่วยให้ทีมสามารถป้องกันปัญหาก่อนที่มันจะส่งผลกระทบต่อการดำเนินงานจริง ซึ่งไม่เพียงแค่ช่วยลดเวลาในการแก้ไขปัญหา แต่ยังช่วยเพิ่มประสิทธิภาพและความปลอดภัยของระบบทั้งหมดอีกด้วย
ด้วยการผสมผสานระหว่างการตรวจสอบระบบแบบเรียลไทม์และการวิเคราะห์ด้วย AI ที่ล้ำสมัย Dynatrace จึงเป็นเครื่องมือที่องค์กรต่างๆ สามารถใช้ในการเสริมสร้างความปลอดภัยและเพิ่มประสิทธิภาพให้กับระบบของตนเองอย่างครอบคลุมและยั่งยืน
Dynatrace Application Security คืออะไร
Dynatrace Application Security คือโซลูชันที่ออกแบบมาเพื่อเสริมความปลอดภัยให้กับแอปพลิเคชันในทุกขั้นตอนของการพัฒนาและการดำเนินงาน โซลูชันนี้ทำงานโดยการผสานการตรวจสอบและการจัดการความปลอดภัยเข้าไปในโครงสร้างของแอปพลิเคชัน ตั้งแต่การพัฒนาไปจนถึงการใช้งานจริงบนระบบ ทั้งนี้เพื่อป้องกันและลดความเสี่ยงจากภัยคุกคามที่อาจเกิดขึ้น โดยมีการทำงานอยู่ 2 ลักษณะคือ
Security Protection
Security Protection ใน Dynatrace Application Security นั้นมุ่งเน้นไปที่การป้องกันภัยคุกคามในระดับแอปพลิเคชัน โดย Dynatrace จะตรวจสอบและป้องกันช่องโหว่ที่อาจเกิดขึ้นในโค้ดหรือโครงสร้างพื้นฐานของแอปพลิเคชัน ด้วยการตรวจจับและป้องกันภัยคุกคามแบบเรียลไทม์ ทำให้สามารถปกป้องแอปพลิเคชันจากการโจมตีทางไซเบอร์ได้อย่างมีประสิทธิภาพ
Security Analytics
Security Analytics คือฟีเจอร์ที่ช่วยในการวิเคราะห์และประมวลผลข้อมูลความปลอดภัยที่เกิดขึ้นในระบบ Dynatrace ใช้ AI ในการรวบรวมและวิเคราะห์ข้อมูลจากแอปพลิเคชัน เพื่อตรวจจับความผิดปกติและความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้น พร้อมทั้งเสนอแนวทางแก้ไขที่เหมาะสม นอกจากนี้ยังสามารถแสดงข้อมูลเชิงลึกเกี่ยวกับภัยคุกคามและช่วยให้ทีมงานสามารถดำเนินการป้องกันได้อย่างทันท่วงที
การผสาน Dynatrace กับ DevSecOps: ประโยชน์และการทำงานร่วมกัน
การผสานการทำงานของ Dynatrace Application Security เข้ากับ DevSecOps ช่วยให้กระบวนการพัฒนาซอฟต์แวร์มีความปลอดภัยยิ่งขึ้น พร้อมกับการเพิ่มประสิทธิภาพในการดำเนินงาน ซึ่งเป็นเหตุผลที่หลายองค์กรเลือกใช้ Dynatrace ในการจัดการความปลอดภัยของระบบ
การผสาน Dynatrace กับ DevSecOps ไม่เพียงแต่ช่วยเพิ่มความปลอดภัยในกระบวนการพัฒนาซอฟต์แวร์ แต่ยังช่วยให้การดำเนินงานเป็นไปอย่างราบรื่นและมีประสิทธิภาพมากขึ้น ด้วยฟีเจอร์ของ Dynatrace ที่ช่วยให้การตรวจสอบความปลอดภัยเป็นไปอย่างต่อเนื่องและทันท่วงที ทำให้สามารถตรวจจับปัญหาได้ตั้งแต่ระยะแรกเริ่ม
ประโยชน์หลัก ของการใช้ Dynatrace ใน DevSecOps ได้แก่:
- การตรวจสอบแบบเรียลไทม์: ช่วยให้ทีมงานสามารถตรวจสอบความปลอดภัยของระบบได้อย่างต่อเนื่อง และตอบสนองต่อภัยคุกคามได้อย่างรวดเร็ว
- การวิเคราะห์ปัญหาและจัดลำดับความสำคัญด้วย AI อัตโนมัติ: Dynatrace ใช้ AI ในการตรวจจับปัญหาและช่องโหว่ พร้อมจัดลำดับความสำคัญอย่างอัตโนมัติ ทำให้ทีมงานสามารถมุ่งเน้นที่การแก้ไขปัญหาที่สำคัญที่สุดได้อย่างรวดเร็วและแม่นยำ ช่วยลดความเสี่ยงและเพิ่มประสิทธิภาพในการดำเนินงาน
- การเข้าถึงข้อมูลเชิงลึกเกี่ยวกับช่องโหว่ในระดับโค้ด: ช่วยให้ทีมงานสามารถระบุช่องโหว่ที่อาจเกิดขึ้นในซอฟต์แวร์ได้ตั้งแต่ระยะแรกเริ่มของการพัฒนา Dynatrace ใช้เทคโนโลยี AI และการตรวจสอบแบบเรียลไทม์ในการวิเคราะห์โค้ดทั้งหมดที่ถูกเขียนและรันในแอปพลิเคชัน
- การสนับสนุนการจัดการ Vulnerability Lifecycle: Dynatrace ช่วยจัดการทุกขั้นตอนของ Vulnerability Lifecycle ตั้งแต่การตรวจจับ การประเมินความเสี่ยง จนถึงการแก้ไขปัญหาและติดตามผล ทำให้การรักษาความปลอดภัยเป็นไปอย่างครอบคลุมและต่อเนื่อง
- การทำการแก้ไขปัญหาและติดตามความก้าวหน้างานโดยอัตโนมัติ: Dynatrace ช่วยให้กระบวนการแก้ไขปัญหาเป็นไปอย่างอัตโนมัติ พร้อมติดตามความคืบหน้าของการแก้ไขอย่างละเอียด ช่วยให้ทีมงานมั่นใจได้ว่าปัญหาถูกจัดการอย่างรวดเร็วและมีประสิทธิภาพ
- การประเมินความปลอดภัยแบบเต็มรูปแบบในเวลาใช้งาน: Dynatrace ให้การประเมินความปลอดภัยอย่างครอบคลุมในทุกชั้นของระบบ ไม่ว่าจะเป็นโครงสร้างพื้นฐาน แอปพลิเคชัน หรือโค้ด เพื่อให้มั่นใจว่าระบบปลอดภัยตลอดเวลา
- การตอบสนองต่อเหตุการณ์และการประเมินวิเคราะห์อย่างมีประสิทธิภาพ: Dynatrace ช่วยให้ทีมงานสามารถตอบสนองต่อเหตุการณ์ได้อย่างรวดเร็ว พร้อมทำการวิเคราะห์เชิงลึกเพื่อตรวจสอบและแก้ไขปัญหาทางความปลอดภัยได้อย่างแม่นยำ.
- การป้องกันการใช้ประโยชน์จากช่องโหว่: Dynatrace ช่วยป้องกันการโจมตีที่ใช้ช่องโหว่ในระบบ โดยการตรวจจับและแก้ไขช่องโหว่ก่อนที่ผู้โจมตีจะสามารถเข้าถึงได้ ช่วยลดความเสี่ยงและเสริมความปลอดภัย
- การทำงานเชิงรุกด้วยการรักษาความปลอดภัยอัตโนมัติที่ขับเคลื่อนด้วยข้อมูล: Dynatrace ใช้ข้อมูลเชิงลึกในการทำงานอัตโนมัติ เพื่อป้องกันและตอบสนองต่อภัยคุกคามอย่างมีประสิทธิภาพ ช่วยป้องกันปัญหาก่อนที่จะเกิด
- การผสานการทำงานกับเครื่องมืออื่นๆ: Dynatrace สามารถผสานการทำงานกับเครื่องมือ DevSecOps อื่นๆ ได้อย่างมีประสิทธิภาพ เช่น Jenkins, Kubernetes และอื่นๆ
การใช้ฟีเจอร์หลักของ Dynatrace ในการตรวจสอบและจัดการ
Dynatrace มาพร้อมกับฟีเจอร์หลายประการที่ช่วยเสริมสร้างความปลอดภัยและประสิทธิภาพในการดำเนินงาน DevSecOps ได้อย่างครอบคลุม
ฟีเจอร์หลักของ Dynatrace ที่สำคัญ ได้แก่:
การวิเคราะห์ช่องโหว่จาก Third-Party (Third-party vulnerabilities)
ในสภาพแวดล้อมที่การพัฒนาและใช้งานซอฟต์แวร์มักพึ่งพา Third-Party libraries และ dependencies ต่างๆ ช่องโหว่ในส่วนนี้กลายเป็นความเสี่ยงสำคัญที่ต้องจัดการ Dynatrace ได้ผสานการทำงานกับฐานข้อมูลของ Snyk และใช้งาน AI Davis® Security Advisor เพื่อให้การตรวจจับและวิเคราะห์ช่องโหว่เป็นไปอย่างครอบคลุมและมีประสิทธิภาพ
ฐานข้อมูล Snyk ช่วยในการตรวจสอบโค้ดจาก Third-Party libraries ที่นำมาใช้ในระบบ โดยการวิเคราะห์โค้ดที่ครอบคลุมทุกส่วน เพื่อระบุช่องโหว่ที่อาจเกิดขึ้น Davis® Security Advisor ใช้ AI ในการให้คำแนะนำเชิงรุกและการจัดลำดับความสำคัญในการแก้ไขปัญหา ทำให้ทีมงานสามารถรับมือกับความเสี่ยงได้อย่างทันท่วงที
ที่สำคัญ การตรวจจับช่องโหว่ใน runtime ทำให้สามารถระบุปัญหาในสภาพแวดล้อมการทำงานจริง ช่วยให้การป้องกันและแก้ไขปัญหาเป็นไปอย่างรวดเร็วและแม่นยำ ลดความเสี่ยงจากการโจมตีที่ใช้ประโยชน์จากช่องโหว่ใน Third-Party libraries ได้อย่างมีประสิทธิภาพ
การวิเคราะห์ช่องโหว่ระดับ Code-level vulnerabilities
การตรวจจับ ช่องโหว่ในระดับโค้ด เป็นขั้นตอนที่สำคัญในการรักษาความปลอดภัยของซอฟต์แวร์ เนื่องจากช่องโหว่ที่เกิดขึ้นในโค้ดอาจเป็นจุดเริ่มต้นของการโจมตีทางไซเบอร์ที่รุนแรง การตรวจจับและจัดการช่องโหว่เหล่านี้ในระยะเริ่มต้นสามารถลดความเสี่ยงและป้องกันปัญหาก่อนที่จะกลายเป็นภัยคุกคาม
Dynatrace ใช้เทคโนโลยี AI ในการตรวจสอบโค้ดแบบเรียลไทม์ ทำให้สามารถระบุและวิเคราะห์ช่องโหว่ที่เกิดขึ้นในโค้ดได้อย่างแม่นยำ การตรวจจับระดับโค้ด นี้ช่วยให้ทีมงานสามารถระบุปัญหาได้ตั้งแต่ขั้นตอนการพัฒนา ทำให้สามารถแก้ไขได้ก่อนที่ซอฟต์แวร์จะถูกนำไปใช้งานจริง
นอกจากนี้ การวิเคราะห์ในระดับโค้ดช่วยให้ทีมพัฒนาสามารถมองเห็นผลกระทบที่อาจเกิดขึ้นจากช่องโหว่เหล่านี้ เช่น การเข้าถึงข้อมูลที่ไม่ปลอดภัยหรือการโจมตีที่ใช้ช่องโหว่ในโค้ด ด้วยการจัดการช่องโหว่ในระดับโค้ดอย่างรัดกุม ซอฟต์แวร์จะมีความปลอดภัยมากขึ้น ลดความเสี่ยงจากการโจมตีและเพิ่มความน่าเชื่อถือในกระบวนการพัฒนา
การใช้ Dynatrace เพื่อเพิ่มความปลอดภัยใน DevSecOps
การนำ Dynatrace มาใช้ใน DevSecOps จะช่วยเพิ่มความปลอดภัยให้กับระบบได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น Dynatrace มีฟีเจอร์ที่ช่วยในการตรวจสอบและป้องกันภัยคุกคามที่อาจเกิดขึ้น โดยสามารถมองเห็นภาพรวมของระบบได้อย่างชัดเจนและแบบเรียลไทม์
วิธีการใช้ Dynatrace เพื่อเพิ่มความปลอดภัยใน DevSecOps รวมถึง:
- การติดตามการทำงานของระบบ: Dynatrace สามารถติดตามการทำงานของระบบได้อย่างต่อเนื่องและตรวจสอบความปลอดภัยในทุกขั้นตอนของการพัฒนา
- การแจ้งเตือนอัตโนมัติ: เมื่อเกิดปัญหาหรือภัยคุกคาม Dynatrace จะทำการแจ้งเตือนให้ทีมงานทราบทันที เพื่อให้สามารถดำเนินการแก้ไขได้อย่างรวดเร็ว
- การจัดการโครงสร้างพื้นฐาน: Dynatrace ช่วยในการตรวจสอบและจัดการโครงสร้างพื้นฐานของระบบ ทำให้การรักษาความปลอดภัยเป็นไปอย่างครอบคลุม
การวิเคราะห์ความเสี่ยงและการตอบสนองด้วย Dynatrace
การวิเคราะห์ความเสี่ยงและการตอบสนองต่อภัยคุกคามเป็นสิ่งสำคัญในการดำเนินงาน DevSecOps และ Dynatrace มีฟีเจอร์ที่ช่วยให้ทีมงานสามารถวิเคราะห์และตอบสนองต่อปัญหาได้อย่างมีประสิทธิภาพ
การใช้ Dynatrace ในการวิเคราะห์ความเสี่ยง สามารถทำได้ดังนี้:
- การรวบรวมข้อมูลจากระบบ: Dynatrace รวบรวมข้อมูลจากทุกส่วนของระบบเพื่อนำมาวิเคราะห์หาความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้น
- การวิเคราะห์ด้วย AI: การใช้ AI ในการวิเคราะห์ข้อมูลช่วยให้สามารถตรวจจับปัญหาได้อย่างแม่นยำและทันท่วงที
- การตอบสนองอัตโนมัติ: เมื่อพบความเสี่ยงหรือภัยคุกคาม Dynatrace จะทำการตอบสนองอัตโนมัติเพื่อลดความเสียหายที่อาจเกิดขึ้น
การผสาน Dynatrace กับเครื่องมืออื่นๆ ใน DevSecOps
การผสานการทำงานของ Dynatrace กับเครื่องมืออื่นๆ ที่ใช้ใน DevSecOps เช่น Jenkins, Kubernetes, Ansible และเครื่องมือ CI/CD อื่นๆ เป็นหนึ่งในวิธีที่ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการจัดการความปลอดภัยและการดำเนินงาน
การผสานนี้ช่วยให้ข้อมูลที่ได้จากการตรวจสอบและการวิเคราะห์เป็นแบบบูรณาการ ซึ่งหมายความว่าองค์กรสามารถใช้ข้อมูลเหล่านี้ในการตัดสินใจและปรับปรุงกระบวนการ DevSecOps ได้อย่างมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น
กรณีศึกษา: ความสำเร็จในการใช้ Dynatrace Security ใน DevSecOps
ตัวอย่างกรณีศึกษาจากองค์กรที่ประสบความสำเร็จในการใช้ Dynatrace ใน DevSecOps สามารถแสดงให้เห็นถึงประสิทธิภาพและประโยชน์ของการนำเครื่องมือนี้มาใช้จริงในสภาพแวดล้อมการทำงาน
กรณีศึกษา เช่น:
- บริษัทประกันภัยแห่งหนึ่ง: ใช้ Dynatrace ในการตรวจสอบความปลอดภัยของระบบแอปพลิเคชั่นตั้งแต่ขั้นตอนการพัฒนาระบบ ทำให้สามารถลดเวลาในการพัฒนาและแก้ไขปัญหาทางด้าน Security ได้มากถึง 95%
อนาคตของ DevSecOps ด้วย Dynatrace Security
อนาคตของ DevSecOps และ Dynatrace ดูสดใสเนื่องจากการเติบโตของเทคโนโลยีและการพัฒนาซอฟต์แวร์ที่ไม่หยุดยั้ง การผสมผสานระหว่างการพัฒนาและการรักษาความปลอดภัยจะยังคงเป็นแนวทางที่สำคัญในการพัฒนาซอฟต์แวร์ และ Dynatrace จะเป็นเครื่องมือที่ยังคงได้รับความนิยมและพัฒนาอย่างต่อเนื่องเพื่อตอบสนองความต้องการขององค์กรในอนาคต
การนำเทคโนโลยีใหม่ ๆ เข้ามาผสานกับ Dynatrace เช่น AI, Machine Learning, และการวิเคราะห์ข้อมูลแบบขั้นสูง จะทำให้การดำเนินงานใน DevSecOps มีความแม่นยำและปลอดภัยมากยิ่งขึ้น
คำถามที่พบบ่อยเกี่ยวกับ Dynatrace Security และ DevSecOps
Dynatrace Security สามารถตรวจสอบความปลอดภัยได้อย่างไร? Dynatrace Security สามารถตรวจสอบความปลอดภัยของระบบได้อย่างเรียลไทม์โดยใช้ฐานข้อมูล Snyk ในการติดตามและวิเคราะห์การทำงานของแอปพลิเคชันและโครงสร้างพื้นฐานทั้งหมด
การผสาน Dynatrace กับเครื่องมือ DevSecOps อื่นๆ เป็นเรื่องยากหรือไม่? การผสาน Dynatrace กับเครื่องมือ DevSecOps อื่นๆ อาจมีความซับซ้อนในบางกรณี แต่ Dynatrace มีฟีเจอร์และการสนับสนุนที่ทำให้การผสานเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ และ Dynatrace เองสามารถเชื่อมต่อกับเครื่องมือต่างๆ ได้มากกว่า 600 รายการ
การใช้ Dynatrace ใน DevSecOps ช่วยลดเวลาในการแก้ไขปัญหาได้หรือไม่? ใช่, Dynatrace ช่วยลดเวลาในการแก้ไขปัญหาได้อย่างมาก เนื่องจากมีการตรวจสอบแบบเรียลไทม์และการวิเคราะห์ปัญหาด้วย AI คลอบคลุมทั้ง Third-party และ Code-level
องค์กรที่เริ่มต้นใช้ DevSecOps ควรเริ่มต้นด้วย Dynatrace หรือไม่? Dynatrace เป็นเครื่องมือที่เหมาะสมสำหรับองค์กรที่ต้องการเริ่มต้นใช้ DevSecOps เนื่องจากมีฟีเจอร์ที่ครบครันและสามารถปรับใช้ได้ตามความต้องการ
Dynatrace สามารถรองรับระบบคลาวด์ได้หรือไม่? ใช่, Dynatrace รองรับระบบคลาวด์ได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ และสามารถตรวจสอบและจัดการระบบคลาวด์ได้อย่างครอบคลุมทั้ง Public (AWS, Azure, Google Cloud) และ Private Cloud
การตั้งค่า Dynatrace ยากหรือไม่? การตั้งค่า Dynatrace อาจใช้ความเชี่ยวชาญ แต่เมื่อทำการตั้งค่าเสร็จสมบูรณ์แล้ว การใช้งานจะเป็นไปอย่างราบรื่นและมีประสิทธิภาพ
AskMe มีทีมงานผู้เชี่ยวชาญที่ได้รับการรับรองเป็น Endorsed Services Partner – Observability จาก Dynatrace ทำให้เรามีความสามารถในการช่วยลูกค้าติดตั้งและตั้งค่า Dynatrace ได้อย่างมืออาชีพและมีประสิทธิภาพ ทีมงานของเราพร้อมที่จะให้คำแนะนำและสนับสนุนทุกขั้นตอน เพื่อให้ระบบของคุณทำงานได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ
สนใจติดต่อ AskMe ได้ที่
สามารถติดต่อ AskMe ได้ทันทีเราเป็นผู้เชี่ยวชาญทางด้าน Dynatrace ในประเทศไทย สามารถให้คำแนะนำและช่วยเหลือในการเลือกเทคโนโลยีที่เหมาะกับองค์กรของคุณ รวมถึงการติดตั้งและให้บริการหลังการขาย
ติดต่อเราได้ที่
- กรุงเทพฯ โทร 02-245-1335-7
- เชียงใหม่ โทร 053-858-186
- ขอนแก่น โทร 096-415-4445
- ระยอง โทร 033-218-235
- Email: sales@askme.co.th
- Line: @askme
งานวิชาการ Next Generation of Dynatrace Application Performance Monitor มทร.ล้านนา AskMe Read more
AskMe เข้าร่วมงาน Dynatrace Perform 2017: Master your digital universe งานสัมมนาแก่ผู้สนใจในด้าน Read more
AskMe ได้เข้ามามีส่วนร่วมใน Dynatrace Community และมีส่วนร่วมในการช่วยเหลือ ให้คำแนะนำชุมชนผู้ใช้งาน Dynatrace มาอย่างยาวนาน และได้รับรางวัล Community Read more
AskMe has achieved the Dynatrace Intelligent Observability Competency - Premier Read more